กลับมาสู่น้ำมันหมูกันบ้างนะครับมีบทความหนึ่งที่เห็นจากข่าวที่หลากหลายตัวอย่างเช่น "ผู้ค้าหมูในเชียงใหม่-พิจิตร เผยคนแห่ซื้อมันหมู ทำน้ำมัน หลังน้ำมันปาล์มปรับขึ้นขวดละ 9 บาท ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองขาดแคลน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจตลาดภายหลังการปรับขึ้นราคา น้ำมันปาล์ม 9 บาท/ขวด พบว่า น้ำมันปาล์ม รวมถึงน้ำมันถั่วเหลืองใน จ.เชียงใหม่ ขาดแคลนเป็นอย่างมาก โดยในห้างสรรพสินค้ามีการจำกัดการซื้อครอบครัวละ 1 ขวด ขณะที่ร้านขายของชำในตลาดสด พบขายแพงกว่าห้างสรรพสินค้า ทำให้ผู้บริโภค หันมาซื้อมันหมู นำไปทำน้ำมันในการประกอบอาหารแทน
โดยแม่ค้าเขียงหมูรายหนึ่งในตลาดธานินทร์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงนี้มันปรุงหมูขายดีมาก และขายหมดทุกวัน จากที่เคยเป็นส่วนที่ไม่มีราคา และขายแทบไม่ได้เลย โดยราคามันหมูขณะนี้ ปรับเพิ่มสูงเป็นกิโลกรัมละ 25 บาท จากปกติราคากิโลกรัมละ 10 บาท โดยหมูขนาด 100 กิโลกรัม จะมีมันปรุงตัวละประมาณ 1.3-1.5 กิโลกรัม
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้น้ำมันหมูปรับตัวขึ้นด้วยนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตแค็บหมู เนื่องจากน้ำมันหมูปรับราคาขายส่งจากปี๊ปละ 300 เป็น 350 บาท ส่วนราคาขายปลีกจาก 300 เป็น 400 บาท ซึ่งราคาที่ปรับขึ้นทำให้ราคาขายส่งแค็บหมูต้องปรับตามต้นทุน จากเดิมกิโลกรัมละ 180-190 บาท เป็น 190 - 200 บาท ขณะที่ราคาขายปลีกในตลาดสด และร้านจำหน่ายของฝากทั่วไป เริ่มทยอยปรับขึ้นราคาจากกิโลกรัมละ 220-250 บาท เป็น 250-300 บาท
ขณะที่ จ.พิจิตร มีรายงานว่า ชาวบ้านหันมาใช้น้ำมันหมูแทนน้ำมันพืชที่ปรับตัวแพงขึ้นมาก เนื่องจากสามารถช่วยประหยัดได้มาก โดยมันหมู 1 กิโลกรัม ราคา 50 บาท นำมาเจียวน้ำมันได้ประมาณ 1 ลิตร และจะได้กากหมูไว้บริโภคอีกด้วย"
คุณลองคิดสิว่า ทำไมน้ำมันหมูจึงเป็นแค่สินค้าทดแทนน้ำมันพืช,ปาล์ม เท่านั้น
อยากสนับสนุนให้มีการบริโภคน้ำมันหมูมากขํ้น แต่ต้องในปริมาณเหมาะสมนะครับ ทุกอย่างล้วนมีคุณแหละโทษ
ตอบลบ